1 2 3 Step เริ่มต้น E-Commerce ขายของออนไลน์

ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ยุคดิจิทัล และเทคโนโลยีที่มีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว  หรือที่เรียกกันว่า Digital Disruption ซึ่งเข้ามามีบทบาทในการใช้ชีวิตของเรา และกลายเป็นตัวแปรสำคัญในการกำหนดทิศทางของธุรกิจ และความเป็นอยู่ขององค์กรในปัจจุบันด้วย

การขายของออนไลน์ หรือ E-Commerce กำลังเป็นที่นิยม และมีความสำคัญอย่างมากกับเจ้าของสินค้า และเจ้าของธุรกิจ เพราะเป็นช่องทางการตลาดหลักในการเข้าถึงลูกค้าได้เป็นจำนวนมาก ได้อย่างรวดเร็ว และมีต้นทุนที่ต่ำ ถ้าเทียบกับช่องทางการตลาดอื่นๆ

แต่เราจะเริ่ม E-Commerce หรือขายของออนไลน์ ได้อย่างไร?

เรามีคำแนะนำดีๆ เพื่อเริ่มต้น E-Commerce หรือเริ่มขายของออนไลน์ได้ใน 3 ขั้นตอน (Step)


Step 1 : ขั้นแรก คุณต้องมีตัวตนบนออนไลน์ เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงเรา และเราเข้าถึงลูกค้าได้บนสื่อดิจิทัลและออนไลน์

# มีเว็บไซต์ เป็นของตัวเอง จะใช้โปรแกรมสำเร็จรูป ขอแนะนำ WordPress + WooCommerce ง่ายและฟรี หรือจ้างเขียนโปรแกรมเว็บ ราคาจะแพงแต่ได้ตรงตามความต้องการของเรา (แต่ถ้าไม่สะดวก ไม่มีเวลา ก็ติดต่อทีมงานของเราได้นะ มีบริการครบ จบที่เดียว จดโดเมนเนม, เช่าโฮสติ้ง, รับทำเว็บด้วย WordPress, รับเขียนเว็บ, รับทำ SEO … และอีกเยอะเลย)

# มี Facebook Fan page เป็นของตัวเอง สมัครง่ายๆ ไม่กี่ขั้นตอน แต่เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้รวดเร็ว และจำนวนมากๆ ทุกเพศทุกวัน ด้วยเครื่องมือต่างๆ บน Facebook

# มีร้านค้าใน Marketplace เช่น Lazada, Shopee, lnwshop, TARAD เป็นต้น สมัครง่ายๆ ไม่กี่ขั้นตอน มีทั้งแบบฟรี และเสียเงิน


Step 2 : ขั้นตอนที่สอง เตรียมข้อมูลให้พร้อม และเริ่มขาย เมื่อมีตัวตนแล้ว เราก็ต้องมาคิดกันต่อแล้วว่าเราจะขายอะไร? จะต้องเสนอข้อมูลอะไรให้ลูกค้าสนใจและสั่งซื้อสินค้า

# ข้อมูลบนเว็บที่เกี่ยวกับคุณ เพื่อบ่งบอกความความเป็นมา บอกเล่าตัวตน  ธุรกิจของคุณ ให้ลูกค้าทราบ เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ และให้ข้อมูลในการติดต่อคุณ
– เกี่ยวกับเรา
– ติดต่อเรา
– นโยบายการใช้งาน, การรับคืน-เคลมสินค้า
– วิธีการใช้งาน, วิธีการสั่งซื้อ

# ข้อมูลสินค้า ต้องมีความชัดเจน ครบถ้วน และเข้าใจง่าย
– หมวดหมู่สินค้า
– ข้อมูลสินค้า, รูปภาพ, ราคา
– วิธีการชำระเงิน
– วิธีการจัดส่งสินค้า
– รูปแบบใบเสร็จ

# ทดสอบการสั่งซื้อ และเริ่มขายจริง เมื่อเตรียมข้อมูลครบถ้วนแล้ว เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ คุณต้องปรับปรุงข้อมูลให้ดีขึ้นเรื่อยๆ จากข้อมูลที่ได้ ดังนี้
– ทดลองใช้งาน หรือสั่งซื้อเอง ทุกครั้งหลังจากมีการเพิ่มรายการสินค้าใหม่ หรือเมื่อได้รับการแนะนำจากลูกค้า หรือผู้เชี่ยวชาญ
– บอกคนรู้จักหรือคนใกล้ตัว เพื่อให้ช่วยทดสอบ และขอคำแนะนำแล้วนำมาปรับปรุง
– จัดเก็บข้อมูลสถิติการใช้งาน และสถิติยอดขาย และคำแนะนำหรือรีวิวจากลูกค้าจริง


Step 3 : ขั้นตอนที่สาม ทำการตลาดออนไลน์ เมื่อคุณมีตัวตน คุณมีสินค้าและข้อมูลที่ดีแล้ว แต่ยอดขายของคุณยังไม่มีหรือมีน้อยมาก เพราะมีจำนวนลูกค้าน้อย เว็บไซต์ยังไม่เป็นที่รู้จัก และวิธีการที่ดีที่สุดที่จะทำให้เราเข้าถึงลูกค้าได้เป็นจำนวนมาก ในเวลาที่รวดเร็วที่สุด คือการทำการตลาดออนไลน์ ด้วยวิธีการดังนี้

# วางแผนการตลาด, การผลิต
– กำหนดเป้าหมาย เช่น จำนวนยอดขายที่ต้องการ รายปี, รายเดือน, รายสัปดาห์ และรายวัน
– กำหนดกลุ่มเป้าหมาย เช่น กลุ่มของลูกค้า, ช่วงอายุ, เพศ, อาชีพ, ฐานเงินเดือน และช่องทางการสื่อสารหรือเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย
– กำหนดงบประมาณ เช่น งบการผลิต, งบการบริหารงาน, งบการตลาด, งบเงินทุนสำรอง

# เลือกช่องทางการตลาด
– การตลาดโซเชียลมีเดีย เช่น Facebook, IG, Youtube, Blog
– การตลาดบน Google เช่น SEM, SEO, GDN, Google Business +Map

# ทำการตลาด ตามช่องทางที่กำหนด โดยทำอย่างจริงจัง และสม่ำเสมอ

# ติดตามผล และปรับปรุงกระบวนการตลาด จากข้อมูลรายงานต่างๆ
– รายงานสถิติจาก Sale report, Member report
– รายงานสถิติจาก Google Analytics & Google Ads
– รายงานสถิติจาก Social Media


การขายของออนไลน์ให้ได้ยอดเยอะๆ ไม่ได้ทำกันง่ายๆ…แต่ก็ไม่ยาก

ถ้าจะทำ E-Commerce ให้สำเร็จได้ โดยคุณเข้าใจ 3P (Product, Process, Personal) และขยันเรียนรู้ภาพรวมของการตลาดออนไลน์ด้วย และเมื่อลงมือทำแล้ว ต้องทำอย่างสม่ำเสมอ

 

Facebook Comments
บอกต่อเพื่อนๆ